Author Archives for admin

OBD

          การที่รถจะมีประสิทธิภาพที่ดี เครื่องยนต์สมรรถนะยอดเยี่ยม ตัวเครื่องสมบูรณ์ไม่บุบ นอกจากจะได้รับการตรวจจากช่างแล้ว ก็ต้องมีการตรวจแบบเจาะลึกเข้าไปอีก ซึ่งสิ่งนั้น เรียกว่า OBD และในวันนี้ เราจะพาไปรู้จักกัน

          OBD ย่อมาจาก On-Board Diagnostics generation เป็นมาตรฐานที่กำหนดขี้นร่วมกันโดย SAW และ ISO โดยกำหนดเป็นวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอลระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งบนรถยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย กับเครื่องสแกนข้อมูล OBD ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ตำแหน่งการติดตั้ง รหัสบันทึกความบกพร่องที่ตรวจพบ

          ซึ่งมีผลบังคับใช้สำหรับรถยนต์ที่จำหน่ายในอเมริกาตั้งแต่รุ่นปี 1996 เป็นต้นมา โดยข้อมูลที่อ่านจากระบบจะบอกให้ทราบถึงสถานะส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับควบคุมเครื่องยนต์เกือบทั้งหมด รวมทั้งระบบที่มี ECU ต่อร่วมกันหลายตัวในรถยนต์คันเดียวกันเป็นเนตเวิร์ค เช่น บอดี้คอนโทรล แชสซิสคอนโทรล อีกด้วย โดยส่วนที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้ใช้รถยนต์หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการซ่อมรถยนต์ คือการอ่านรหัสผิดพลาดที่ ECU บันทึกไว้ และเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบผ่านทางไฟ Check Engine หรือ ใช้สำหรับอ่านค่าอินพุทจากเซ็นเซอร์หรือสถานะต่างๆแบบเรียลไทม์ที่ ECU มองเห็นและใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจและใช้ควบคุมเครื่องยนต์ได้ เช่น ความเร็วรอบ ความเร็วของรถยนต์ อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิอากาศ ออกซิเจนเซ็นเซอร์ เป็นต้น

150918_Check_1

          ทั้งนี้เพื่อใช้ในการตรวจวิเคราะห์อาการผิดปกติของเครื่องยนต์นั่นเอง ในส่วนด้านอุปกรณ์สำหรับติดต่อกับระบบ OBD นั้นมีหลายแบบให้เลือกสรรค์ ตั้งแต่อุปกรณ์พื้นฐานที่สามารถอ่านและลบรหัสที่ ECU ตรวจพบและบันทึกไว้ ไปจนถึงระดับแอดวานซ์ที่สามารถคำนวณค่าอัตราการใช้น้ำมันขณะขับรถได้ และที่นิยมใช้กันมากมักเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์พีซี หรือโน๊ตบุ้คซึ่งสามารถแสดงข้อมูลเป็นและพล็อตกราฟได้ เพื่อสะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง

          โอ้โห นับว่าเป็นระบบที่ลึกล้ำมากจริงๆ สำหรับสาวกรถแต่งแรง ไม่ควรพลาด หากกำลังมองหากล่อง ecu เพิ่มแรงม้า หรืออุปกรณ์แต่งรถซิ่ง รถแรงเจ๋งๆ เข้ามาปรึกษาเราสิครับ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ DynoArtPower ยินดีให้บริการเสมอ แล้วพบกัน

Lambda_sond_till_volvo240_etc

          เจ้า O2 Sensor เนี่ย ก็ถือป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มีความจำเป็นในการจูนรถอย่างยิ่ง เมื่อขาซิ่ง รถแรง พาลูกชายมาติดตั้งกล่องเพิ่มแรงม้า สรรหาอุปกรณ์แต่งรถแรง ไว้ใจเราสิครับ DynoArtPower เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและให้คำปรึกษา ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ O2 Sensor กันสักหน่อย

          O2 Sensor คือ ตัวจับค่าออกซิเจน ในไอเสีย เป็นตัวตรวจวัดความสมบูรณ์ในการเผาไหม้ ในอากาศโดยทั่วไปนั้น จะมีออกซิเจนอยู่ประมาณ 21 % แต่ในไอเสียรถยนต์ ที่เผาไหมได้ดี จะมีปริมาณออกซิเจนอยู่ที่ 1-2% เท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ โดยเครื่องนี้จะอ่านค่าออกซิเจนในทางเดินไอเสีย และส่งค่าไปยังกล่องสมองกลเพื่อคำนวณว่าเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพเผาไหม้อย่างไร

          โดยเจ้า O2 Sensor สร้างขึ้นด้วยกระเปาะหลอดทรงถ้วยซ้อนกันสองชั้น เปลือกของหลอดทำด้วยทองคำขาวที่มีรูพรุนและระหว่างเปลือก 2 ชั้นจะบรรจุเซรามิกที่นำไฟฟ้าได้ไว้อีกด้วย

          ซึ่งตัวเซ็นเซอร์นี้จะถูกติดเข้าไปในทางเดินท่อไอเสีย ด้านหน้าของ แคทาลิติกคอนเวิร์ตเตอร์ เพื่อให้ส่วนที่เป็นกระเปาะเข้าไปรับไอเสีย และส่วนท้ายกระเปาะอยู่นอกทางเดินไปเสียเพื่อให้สายไฟมาเสียบต่อเข้ากับกล่องสมองกลนั่นเอง

150919_BMW

          โดยระบบการทำงานของเครื่องนี้นั้น เมื่อไอเสียไหลเข้าในกระเปาะจนถึงเปลือกชั้นใน ตัว O2 Sensor ก็จะมีการเทียบค่ากันระหว่างออกซิเจนในไอเสียกับออกซิเจนภายนอก ส่งผลให้เกิด ไอออนขึ้นภายในเซรามิกที่กั้นไว้ ซึ่งไอออนนี้เป็นอะตอมที่มีค่าความต่างของกระแสบวกและกระแสลบ และจะสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้น ยิ่งความต่างของออกซิเจนในไอเสียกับอากาศภายนอกมากเท่าไหร่ ไอออนก็ยิ่งมากขึ้น และกระแสไฟฟ้าก็จะมากตามไปด้วย กระแสไฟฟ้าที่ได้จะส่งไปยังกล่องสมองกล เพื่อวัดค่าว่ากระแสอยู่ในระดับที่ควรเป็น

          โดยกระแสที่ปล่อยจากตัวออกซิเจนเซนเซอร์ ปกติจะมีค่า 0.2 – 0.9 โวลต์ และกล่องสมองกล จะจ่ายเชื้อเพลิงให้ตามอัตราข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งถ้าค่าไฟฟ้าที่ได้รับมีมากแสดงว่า ส่วนผสมของเชื้อเพลิงมีน้อยเกินไป และถ้าถ้าค่าโวลต์มีน้อย แสดงว่าส่วนผสมของเชื้อเพลิงมีมากเกินไป ออกซิเจนเซ็นเซอร์แบบนี้บางครั้งจะเรียกว่า narrow-range oxygen sensor เพราะการที่ตัวจับสัญญาณเปลี่ยนค่าเร็วมาก วินาทีละ 5-7 ครั้ง ในสภาพเครื่องปกติ ผู้ขับจึงรู้สึกว่ารถเดินเรียบได้นั่นเอง

151228_Dynoart_64_ช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามของคนไทย หัวใจนักซิ่ง_pic1

          ถ้าพูดถึงสนามแข่งรถทั่วๆไป หรือที่นักขับรู้จักกันดี หลายคนคงนึกถึงสนามแข่งดังๆ ไม่ว่าจะเป็นสนาม Nurburging ของประเทศเยอรมัน หรือจะเป็นสนาม Silverstone ของประเทศอังกฤษ แต่รู้อะไรไหม ที่ไทยเราก็มีสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันนะ

          โดยวันนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ ช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามแข่งรถชื่อดังของไทยกัน ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งรถที่ได้รับมาตรฐานจากสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ(FIA) ในประเทศไทย โดยสนามนี้ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของนิวไอโมบายสเตเดียม ที่จังหวัดบุรีรัมย์นั่นเอง

          โดยสนามช้างนั้นได้รับการรับรองจากสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐานเอฟไอเอ เกรด 1 ซึ่งเป็นระดับสนามที่อนุญาติให้มีการจัดการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวันได้ และยังได้รับการรับรองจากสมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ(FIM) ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน เอฟไอเอ็ม เกรด A ซึ่งเป็นระดับสนามที่อนุญาตให้ใช้จัดการแข่งขันโมโตจีพี ที่เป็นการแข่งรถแข่งประเภทจักรยานยนต์ได้อีกด้วย โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการสนามแข่งรถช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เพื่อยกระดับเมืองบุรีรัมย์สู่การเป็นมหานครแห่งกีฬาระดับโลก

          ทั้งนี้ นายเนวิน ชิดชอบ ได้เปิดให้ชาวบุรีรัมย์เข้าชมสนามแข่งรถระดับโลกมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เรียกได้ว่า เป็นสนามแข่งรถแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยเลยก็ว่าได้ โดยจะมีแพลนการแข่ง โมโตจีพี ในช่วงปี 2016 ส่วนในส่วนของรถยนต์หรือฟอร์มูล่าวัน ยังไม่ได้มีแพลน แต่คาดว่าจะมีมาให้เห็นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

          แหมแค่ฟังก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆแสบๆคันๆยังไงไม่รู้ เลือดนักซิ่งมันเริ่มพุ่งซ่าน รอช้าไม่ได้ที่จะพาเพื่อนซี้สี่ล้อของคุณมาโมดิฟายให้หล่อเท่ห์ไว้โชว์สาวๆสักหน่อย ไม่ต้องมัวหากล่องเพิ่มแรงม้า หรือ อุปกรณ์ชุดแต่งราคาแพงที่ไหนให้เสียเวลา มาพบเราที่ DynoArtPower สิครับ ที่จะทำให้รถของคุณแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว แวะเข้ามาพูดคุยหรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอย่างน้าหมู Unichip ที่มีประสบการณ์การจูนรถมากว่า 20 ปี รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังกลับบ้านไปอย่างแน่นอน

640px-Silverstone_2011_starting_grid

         ไม่ว่ารถแข่งของคุณจะเร็ว แรง สมรรถภาพดีแค่ไหน แต่ถ้าเจอสนามที่ขัดใจก็ถือว่าจบ ซึ่งสนามแข่งรถนั้น สำคัญมากในการแข่งขัน เพราะไม่มีสนามแข่ง ก็ไม่มีการแข่งรถ โดยในวันนี้ เราจะพาไปรู้จักกับสนามแข่ง Silverstone กัน

         Silverstone Circuit หรือสนามแข่ง Silverstone เป็นสนามแข่งรถ ตั้งอยู่ใกล้เมืองซิลเวอร์สโตน ณ นอร์แธมตันเซอร์ ประเทศอังกฤษ และยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน British Grand Rix ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 และมีการแข่งขันเป็นประจำที่นี่ทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) เป็นต้นมา เป็นสนามแข่งรถ ที่มาชื่อเสียงเทียบเท่ากับสนามแข่ง Nurburging ของประเทศเยอรมันเลยทีเดียว

         โดยที่ตั้งสนามเดิมนั้นเป็นสนามบินของกองทัพอากาศอังกฤษ ประกอบด้วย 3 รันเวย์ที่ประกอบเป็นรูปสามเหลี่ยม สร้างขึ้นใช้งานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) โดยรันเวย์ทั้งสามยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแข่งมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสนามแห่งนี้นั้นบรรจุผู้ชมได้ถึง 125,000 คน เลยทีเดียว

         ซึ่งสนามแห่งนี้นั้น กัปตันแชมป์ ของ DynoartPower ของเรา ก็ได้เคยไปเสัมผัสซิ่งรถคู่ใจของเขาในสนามนี้มาแล้วด้วย หากนักแข่งคนไหนสนใจอยากไปซิ่งในสนามชื่อดังแห่งนี้ อันดับแรกก็ต้องมีเพื่อนซี้คู่ใจกันก่อน นี่ก็ถือเป็นแรงกระตุ้นไม่น้อยที่จะทำให้ใครหลายๆคนลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง

_MG_9832 - Copy

ด้วยคุณภาพกล่อง Loading Dyno ของทางทีมงาน DynoArtPower ใครมาลองถือว่าเอาท์นะครับ

SPECIFICATIONS

-ไดโน่คุณภาพมาตรฐาน

-ถูกสร้างมาเพื่อการจูนนิ่งแบบเรียลไทม์

-ผ่านการยอมรับทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา เอเชีย และแอฟริกา

-ออกแบบสำหรับรถขับเคลื่อน 2WD และ 4WD

-ระบบ 4 โรลเลอร์ พัฒนาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

-รองรับแรงม้าสุดถึง 500 ม้า

-ค่าความคลาดเคลื่อนต่ำลงเพียง +-2 RPM

-ระบบระบายอากาศออกแบบโดยวิศวะยานยนต์

-น้ำหนักถึง 3.5 ตัน

Vehicle Detail

-รองรับฐานล้อรถยนต์ตั้งแต่ Ecocar – Full Size Truck

-ฐานล้อปรับระดับความยาวตามรีโมทคอนโทรล

-ปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า/หลังอิสระ

-สูงจากพื้นเพียง 35 มิลลิเมตร

62

          สำหรับนักขับรถซิ่ง หรือสาวกโมรถแต่งรถ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ น้าหมูแห่ง DynoArtPower กันมาบ้าง ถือเป็นจูนเนอร์ชั้นนำแห่งประเทศไทย เป็นช่างขวัญใจทั้งนักขับไทย และต่างชาติอีกด้วย เอาเป็นว่าเรามารู้จักน้าหมูเพิ่มขึ้นกันดีกว่า

          ณัฐวุฒิ คนซื่อ หรือมีอีกชื่อว่า หมู Unichip เป็นจูนเนอร์รถที่มีประสบการณ์สั่งสมมากว่า 20 ปีในทุกๆสนามแข่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในสนามแข่งทางเรียบ แรลรี่ ครอสคันทรี่แรลรี่ ดริฟท์ ไม่เว้นแม้กระทั่งรถบนถนนธรรมดาๆ

          นอกจากนี้น้าหมูยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเหล่านักแข่งรายการใหญ่ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Mr.Tadamitsu Niihori แชมป์รายการ ASIA CROSS COUNTRY RALLY 2010 และ 2011 และแชมป์ประเทศไทย 2 ปีซ้อน หรือ คุณพืชสุวรรณสกุล ทีม PTT PERFORMA THAILAND ที่เป็นคนไทยคนแรกและคนเดียว ที่ได้แชมป์รายการ OUT BACK 4×4 CHALLENGE ปี 2007 หรือแม้กระทั้งดาราหนุ่มพีท ทองเจือ ที่เป็นแชมป์รายการ THAILAND CROSS COUNTRY RALLY ปี 2007 และ 2008 และคนอื่นๆอีกมากมายๆ เขาคนนี้แหละครับ ทำให้นักแข่งได้เป็นแชมป์มาหลายต่อหลายสนามแล้ว

L2

          นักขับชื่อดังมากมาย ที่ได้แวะเวียนมาประเทศไทยก็ไม่วายที่จะพาเพื่อนซี้สี่ล้อคู่ใจมาเซย์ฮายกับน้าหมู บอกได้เลยว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนไทยและคนต่างประเทศจริงๆ ที่ได้รับการจูนอัพรถโดยน้าหมูของเรา จนไปบอกกันปากต่อปาก ทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย

          แหม..พูดไปใครจะเชื่อ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้จริงมั้ย? ของเขาดีการันตีกันให้เห็นจะๆ แบบนี้ คำพูดที่ผ่านตัวอักษรคงไม่ดีเท่าการได้มาสัมผัสด้วยตัวคุณเอง รถแรงที่ติดตั้งกล่อง ECU หรือ อุปกรณ์แต่งรถซิ่ง มันจะทำให้รถคุณเร็วขึ้นจริงหรือ? เข้ามาหาเราสิครับ ปรึกษาและให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์การจูนรถของทีมงาน DynoArtPower รับประกันความแรงที่ตั้งอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย เราห่วงใยคุณเสมือนคนในครอบครัว ความพึงพอใจที่คุณจะได้หิ้วกลับบ้านอย่างเต็มไม้เต็มมือ ให้เราได้ดูแลคุณนะครับ

          ในยุคสมัยนี้ การแต่งรถถือเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆ และเป็นที่ชื่นชมของเหล่าสาวๆตุ๊กตาหน้ารถ เพราะแต่งเพื่อให้รถตัวเองดูดี เก๋ไก๋ มีสไตล์ เร็ว และแรงขึ้น  ไหนจะชุดอุปกรณ์แต่งรถราคาโหด ลงกล่อง ECU เพิ่มแรงม้าเจ๋งๆ ให้รถแรงที่สุดในโลกกันไปเลย ซึ่งเราจะพาไปดูถึงการแต่งรถยังไง ไม่ให้ผิดกฏหมายกัน

151221_Dynoart_57_ออกแล้ว 14 กฏหมายแต่งรถ ขาซิ่ง ต้องอ่าน_pic1

1.ชุดแต่งรอบคัน และ สปอยเลอร์ ต้องมีความแข็งแรงทนทาน จึงจะใส่ตกแต่งได้ไม่ผิดกฏหมาย

2.การเปลี่ยนท่อไอเสีย ไม่ว่าจะรูปทรงไหนขนาดเล็กหรือใหญ่ ความดังของเสียงท่อไอเสียต้องไม่เกิน 90 เดซิเบล สามารถเปลี่ยนได้

3.รถยกสูง มีความสูงไม่เกิน 175 ซม.ตามที่กำหนด โดยที่วัดจากพื้นถึงไฟหน้ารถ

4.โหลดเตี้ยได้ ซึ่งไม่ผิดตาม พรบ แต่ต้องมีความสูงโดยวัดจากพื้นถึงไฟหน้ารถ ไม่ต่ำกว่า 40 เซนดิเมตร

5.เกจ์วัด สามารถติดตั้งได้ ภายในรถ โดยไม่ผิดกฏหมาย

6.ไฟเลี้ยว ทั้งหมดทุกจุดบนรถต้องเป็นไฟที่มีสีแหลืองเท่านั้น

7.ไฟโคมเหลือง หรือ สปอร์ตไลท์ สามารถติดตั้งได้และเปิดใช้งานได้ แต่ต้องไม่แยงตาผู้อื่นไม่เช่นนั้นอาจจะโดนตักเตือน ถ้าหากมีการติดตั้งแล้วแต่เป็นไฟสีอื่น ที่ไม่ใช่สีขาวหรือเหลือง ถือว่าผิดทันที

8.ล้อแม็ก สามารถเปลี่ยนได้แต่ต้องไม่ยื่นหรือล้นออกมา นอกตัวถังรถ หากมีการถึงโป่งให้ล้อยื่นออกมาถือว่าผิดเข้าข่ายดัดแปลงสภาพรถ

9.ไฟถอยหลัง ต้องเป็นสีขาวเท่านั้น หากเป็นสีอื่นถือว่าผิด

10.การติดสติ๊กเกอร์แต่งรถ ติดได้ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ไม่ผิดกฏหมาย

11.กระโปรงหน้ารถ สามารถทำเป็นสีดำหรือลาย Carbon Fiber ได้แต่ต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถเป้นสองสี ต่อกรมขนส่งทางบกไม่อย่างนั้นผิด

12.การเปลี่ยนสี รถเฉพาะจุดหรือทั้งหมด ต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีต่อกรมขนส่งทางบก

13.การตกแต่งป้ายทะเบียน เช่นทะเบียนยาว ไม่ว่าจะตัดป้ายหรือไม่ตัดป้ายถือว่าผิด พรบ ในส่วนของของป้ายทะเบียนปรับองศา สามารถติดตั้งได้แต่ต้อง มองเห็นจากด้านหน้าและชัดเจน

14.การวางเครื่อง เมื่อมีการวางเครื่องแล้ว ต้องทำการแจ้งกรมขนส่งทางบกด้วย ไม่เช่นนั้นผิดกฎหมาย

151221_Dynoart_56_มาเบิร์นยาง ออกตัวเท่ห์ๆ ให้สาวกรี๊ดต้องทำไง_pic1

         ก่อนการแข่งขันเรามักจะพบเห็นนักขับทำการเร่งเครื่องและหมุนล้ออยู่กับที่ในสนามแข่ง ซึ่งวิธีนั้น เรียกว่าการเบิร์นยาง โดยเฉพาะการแข่งขัน Drag Racing หรือ แข่งขันรถทางตรงนั่นเอง วันนี้เราจะมารู้จักคำๆนี้ไปพร้อมๆกัน

         รถแข่งจะเป็นยางอยู่ 2 ประเภท นั่นคือ Slick หรือ Radial-Soft การ “เบิร์นยาง” เป็นการเพิ่มความร้อนของยางอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มการยึดเกาะของยางให้มากขึ้น ยางที่ใช้ใน เมื่อยางเหล่านี้มีอุณหภูมิมากขึ้นจะทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนของยางมากขึ้นตามไปด้วย และยังทำให้ตัวรถนั้นไม่เสียอาการในขณะออกตัว เป็นการล้างหน้ายางใหม่ เพื่อเอาสิ่งต่างๆที่ติดอยู่บริเวณหน้ายางออกและยังเป็นการเพิ่มพื้นสัมผัสให้กับยางได้อีกด้วย โดยวิธีการเบิร์นยาง มี 2 แบบ ก็คือ

          1.การเบิร์นยางแบบมีสวิตช์เบิร์นยาง ซึ่งวิธีใช้ที่ถูกต้องคือ กดปุ่มสวิตท์เบิร์นยางก่อน จากนั้นทำการย้ำเบรคจนเบรคแข็งจนเหยียบไม่ไหว แล้วทำการเบิ้ลเครื่องยนต์ตามรอบให้เหมาะสมและทำการปล่อยคลัชท์อย่างรวดเร็วและคอยเลี้ยงรอบให้อยู่ในช่วงที่ต้องการ เมื่อเบิร์นเสร็จตามที่ต้องการแล้ว กดปุ่มสวิตช์เบิร์นยางอีกครั้ง เพื่อเป็นการคลายเบรคก็เป็นอันเสร็จ วิธีนี้จำเป็นต้องมี สวิตช์เบิร์นยาง ที่ทำหน้าที่กั้นน้ำมันเบรคไหลย้อนกลับไปยังกระปุกเก็บน้ำมัน ทำให้เบรคนั้นไม่คลายตัวและจับกับจานเบรคอยู่ ซึ่งใช้กับล็อคเบรคหน้าหรือเบรคหลังก็ได้

          2.การเบิร์นแบบไม่มีสวิตท์เบิร์นยาง ในที่นี้จะแบ่งประเภทรถอยู่ 2 แบบ นั่นคือ แบบรถขับหลังและรถขับหน้า สำหรับรถขับหลัง อาจต้องมีการฝึกฝน เพราะเราไม่สามารถใช้เบรคมือช่วยได้ โดยใช้ปลายเท้าแตะเบรคโดยไม่ต้องเหยียบให้ลึกมาก จากนั้นให้ใช้ส้นเท้าคอยเหยียบคันเร่งเอาไว้ ทำการเลี้ยงรอบไว้เพื่อทำการเบิร์นได้ตามต้องการ ถึงการเบิร์นยางจะมีประโยชน์ในการขจัดสิ่งที่ติดอยู่ในซอกยาง แต่ถ้าทำบ่อยครั้ง อาจทำให้ดอกยางเสีย และถ้าทำมากไป อาจทำให้ยางระเบิดได้อีกด้วย สำหรับรถขับหน้านั้น ทำการย้ำเบรคสักประมาณ 3-4 ครั้งก่อน จากนั้นให้ทำการดึงเบรคมือให้แน่นที่สุด แล้วทำการเหยียบคลัทช์และเข้าเกียร์ และเร่งเครื่องให้ถึงรอบที่เราต้องการ และทำการปล่อยคลัทช์ เมื่อเบิร์นยางเป็นที่พอใจก็ทำการปลดเบรคมือลง

         ความเร็ว ความแรง ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัย แม้กล่องเพิ่มแรงม้า หรืออุปกรณ์จะราคาสูงแค่ไหน ก็ต้องใช้รถใช้ถนนอย่างไม่ประมาทนะครับ