มือใหม่หัดซิ่งต้องรู้ Oxygen Sensor เขามีไว้เพื่อ?

Lambda_sond_till_volvo240_etc

          เจ้า O2 Sensor เนี่ย ก็ถือป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มีความจำเป็นในการจูนรถอย่างยิ่ง เมื่อขาซิ่ง รถแรง พาลูกชายมาติดตั้งกล่องเพิ่มแรงม้า สรรหาอุปกรณ์แต่งรถแรง ไว้ใจเราสิครับ DynoArtPower เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและให้คำปรึกษา ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ O2 Sensor กันสักหน่อย

          O2 Sensor คือ ตัวจับค่าออกซิเจน ในไอเสีย เป็นตัวตรวจวัดความสมบูรณ์ในการเผาไหม้ ในอากาศโดยทั่วไปนั้น จะมีออกซิเจนอยู่ประมาณ 21 % แต่ในไอเสียรถยนต์ ที่เผาไหมได้ดี จะมีปริมาณออกซิเจนอยู่ที่ 1-2% เท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ โดยเครื่องนี้จะอ่านค่าออกซิเจนในทางเดินไอเสีย และส่งค่าไปยังกล่องสมองกลเพื่อคำนวณว่าเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพเผาไหม้อย่างไร

          โดยเจ้า O2 Sensor สร้างขึ้นด้วยกระเปาะหลอดทรงถ้วยซ้อนกันสองชั้น เปลือกของหลอดทำด้วยทองคำขาวที่มีรูพรุนและระหว่างเปลือก 2 ชั้นจะบรรจุเซรามิกที่นำไฟฟ้าได้ไว้อีกด้วย

          ซึ่งตัวเซ็นเซอร์นี้จะถูกติดเข้าไปในทางเดินท่อไอเสีย ด้านหน้าของ แคทาลิติกคอนเวิร์ตเตอร์ เพื่อให้ส่วนที่เป็นกระเปาะเข้าไปรับไอเสีย และส่วนท้ายกระเปาะอยู่นอกทางเดินไปเสียเพื่อให้สายไฟมาเสียบต่อเข้ากับกล่องสมองกลนั่นเอง

150919_BMW

          โดยระบบการทำงานของเครื่องนี้นั้น เมื่อไอเสียไหลเข้าในกระเปาะจนถึงเปลือกชั้นใน ตัว O2 Sensor ก็จะมีการเทียบค่ากันระหว่างออกซิเจนในไอเสียกับออกซิเจนภายนอก ส่งผลให้เกิด ไอออนขึ้นภายในเซรามิกที่กั้นไว้ ซึ่งไอออนนี้เป็นอะตอมที่มีค่าความต่างของกระแสบวกและกระแสลบ และจะสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้น ยิ่งความต่างของออกซิเจนในไอเสียกับอากาศภายนอกมากเท่าไหร่ ไอออนก็ยิ่งมากขึ้น และกระแสไฟฟ้าก็จะมากตามไปด้วย กระแสไฟฟ้าที่ได้จะส่งไปยังกล่องสมองกล เพื่อวัดค่าว่ากระแสอยู่ในระดับที่ควรเป็น

          โดยกระแสที่ปล่อยจากตัวออกซิเจนเซนเซอร์ ปกติจะมีค่า 0.2 – 0.9 โวลต์ และกล่องสมองกล จะจ่ายเชื้อเพลิงให้ตามอัตราข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งถ้าค่าไฟฟ้าที่ได้รับมีมากแสดงว่า ส่วนผสมของเชื้อเพลิงมีน้อยเกินไป และถ้าถ้าค่าโวลต์มีน้อย แสดงว่าส่วนผสมของเชื้อเพลิงมีมากเกินไป ออกซิเจนเซ็นเซอร์แบบนี้บางครั้งจะเรียกว่า narrow-range oxygen sensor เพราะการที่ตัวจับสัญญาณเปลี่ยนค่าเร็วมาก วินาทีละ 5-7 ครั้ง ในสภาพเครื่องปกติ ผู้ขับจึงรู้สึกว่ารถเดินเรียบได้นั่นเอง