ก่อนจะเปลี่ยนไซต์ล้อรถยนต์ ได้ทำความรู้จักกันดีแล้วหรือยัง?

.          ล้อรถยนต์เป็นอีกส่วนที่สำคัญของนักแต่งรถทั้งหลาย เหมือนกับการเลือกอุปกรณ์ตกแต่งให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของผู้ขับไม่น้อย  แถมเนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ จึงทำให้หลายๆคนนิยมนำไปขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น เพราะคิดว่าสิ่งที่ได้กลับมานั่นคือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น

160901_Dyno_FA_004_ผลลัพท์จากการเปลี่ยนไซต์ล้อรถ_pic1

ความคิดนี้ถูกต้องหรือไม่?

.          โดยปกติแล้วล้อรถยนต์ที่ติดรถออกมาจากโรงงานประกอบของรถแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นนั้น ได้ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมสำหรับการใช้งาน รวมทั้งผ่านการทดสอบจากบริษัทผู้ผลิตแล้วด้วย แต่แน่นอนว่า รสนิยมของผู้ขับขี่แต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของการเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น หรือ เพิ่มความเร่งของรถให้มากขึ้น การเปลี่ยนขนาดของยางรถยนต์เพื่อให้ตอบสนองกับลักษณะความตรงการ จึงต้องมาควบคู่กับความเหมาะสมของล้อรถนั้นๆเช่นกัน โดยควรคำนึงจาก 2 หัวข้อหลักดังนี้

151218_dyno_line_v2
151126_dyno_banner_v3

1. ความสามารถในการรับน้ำหนัก ต้องใกล้เคียงขนาดเดิม
2. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของยาง ต้องใกล้เคียงขนาดเดิม
หากเปลี่ยนยางไม่ถูกขนาด แน่นอนว่าย่อมก่อให้เกิดผลเสียคร่าวๆ เช่น
• หากขนาดยางเล็กไป ความสามารถในการรับน้ำหนักลดลง สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง มาตราวัดความเร็วคลาดเคลื่อนจากความจริง
• หากขนาดยางใหญ่ไป ยางเสียดสีกับส่วนใดส่วนหนึ่งของรถ พวงาลัยหนักขณะใช้ความเร็วต่ำ มาตราวัดความเร็วคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเมื่อแบ่งเป็นด้านๆ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าสิ่งที่เราคิดว่ามีส่วนช่วยรถยนต์ของเราให้ได้สมรรถนะเพิ่มขึ้นนั่น จริงเท็จอย่างไร ไปดูกันค่ะ

ด้านความเร็ว
.          แม้เราจะคุ้นชินกับกับการที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่นิยมใส่ล้อขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้ผลต่อเรื่องความเร็ว แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้รถเร็วขึ้นกลับไม่ใช่ขนาดของล้อ แต่เป็นเรื่องของน้ำหนักต่างหาก โดยเมื่อเทียบวัสดุเดียวกันแล้ว ล้อรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่มักจะมีน้ำหนักมากกว่าล้อขนาดเล็ก ทำให้รถยนต์ที่สวมล้อขนาดเล็กทำความเร็วได้ดีกว่าพอสมควรทีเดียว

ด้านการประหยัดน้ำมัน
.          เนื่องจากน้ำหนักที่เบากว่าจากล้อรถขนาดเล็ก แน่นอนว่าย่อมประหยัดน้ำมันได้มากกว่าล้อขนาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการประหยัดนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก ซึ่งล้อที่เล็กลงในแต่ละเบอร์จะเพิ่มอัตราประหยัดมากขึ้นประมาณ 0.08 กม./ลิตร เท่านั้น

ด้านการควบคุมรถ
.          มีความเชื่อว่าล้อขนาดใหญ่จะช่วยให้รถสามารถควบคุมได้ดีขึ้น ซึ่งไม่จริงเสียเลย เพราะล้อขนาดใหญ่มากกว่ามาตรฐานเดิมของรถมักทำให้รถต้องใช้วงเลี้ยวกว้างกว่าเดิม แถมยังยึดเกาะถนนได้ไม่ดีนัก เนื่องจากน้ำหนักที่มากทำให้รถเกิดแรงเหวี่ยงมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับล้อขนาดเล็กกว่า ดังนั้น การสวมล้อขนาดใหญ่ขึ้นจึงจำเป็นต้องได้รับการปรับแต่งมากกว่าเดิมพอสมควรเพื่อคงสมรรถนะที่ดีของรถเอาไว้ ส่วนที่บรรดาซูเปอร์คาร์สามารถสวมล้อขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากล้อเหล่านั้นมีน้ำหนักค่อนข้างเบา และถูกปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อล้อเหล่านั้น

ด้านการซับแรงกระแทก
.         ล้อขนาดใหญ่สามารถซับแรงกระแทกได้น้อยกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากล้อที่ใหญ่จำเป็นต้องสวมยางที่มีความสูงแก้มหรือซีรีส์ต่ำตามไปด้วย ทำให้ยางไม่ช่วยดูดซับแรงกระแทกมากนัก ส่วนล้อที่มีขนาดเล็กเองถึงแม้ยางจะช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดี แต่หากต้องวิ่งบนทางขรุขระ การควบคุมก็จะทำได้ยากกว่าล้อขนาดใหญ่ เนื่องจากยางแก้มหนาจะทำให้รถกระโดดเด้งไม่ติดพื้นมากกว่า จึงควบคุมบังคับเลี้ยวได้ยาก

ด้านการเบรก
.          ล้อขนาดใหญ่จะได้เปรียบเนื่องจากน้ำหนักที่มากกว่าจึงทำให้ระยะการเบรกสั้นกว่า ส่วนล้อขนาดเล็กจะทำระยะเบรกยาวกว่าเล็กน้อย ใครที่หันไปสวมล้อเล็กลงก็ระวังในจุดนี้ให้มาก

ความเพี้ยนของมาตรวัด
.          เนื่องจากรถยนต์จะวัดความเร็วจากรอบของล้อ ดังนั้น เมื่อคุณเปลี่ยนมาใช้ล้อรถขนาดใหม่ก็ย่อมส่งผลต่อความเร็วที่ได้แสดงบนหน้าปัดและความเร็วที่แท้จริงด้วย โดยหากคุณสวมล้อขนาดเล็กกว่ามาตรฐานโดยไม่ได้เปลี่ยนความหนาแก้มยาง ความเร็วที่แท้จริงจะช้ากว่ามาตรวัด แต่หากคุณสวมล้อขนาดใหญ่กว่ามาตรฐาน ความเร็วของรถจะเร็วกว่าบนมาตรวัด ทำให้ผู้สวมล้อขนาดใหญ่อาจโดนจับฐานเร็วเกินกำหนดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งวิธีแก้อย่างง่าย ๆ ก็คือสวมยางที่มีขนาดแก้มหนาขึ้นหรือเตี้ยลงเพื่อให้ใกล้เคียงกับขนาดล้อเดิมที่สุดเพื่อให้เข็มมาตรวัดใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดนั่นเอง

ด้านราคา
.          แน่นอนว่าล้อขนาดใหญ่นั้นดูหล่อกว่าล้อขนาดเล็กเป็นไหน ๆ ทำให้ราคาของมันสูงกว่าอย่างชัดเจน รวมไปถึงยางสำหรับล้อขนาดใหญ่ก็จะมีราคาสูงกว่าเช่นกัน

การเปลี่ยนขนาดเพิ่มขึ้นย่อมกินเชื้อเพลิงมากขึ้นแต่ก็ใด้สมรรถนะที่แตกต่างเช่นกันออกไป โดยส่วนใหญ่ที่นิยมกัน คือการเพิ่มขนาดล้อ โดยเราจะลองสมมุติว่า
จาก ขนาดล้อ 15 นิ้ว เปลี่ยนเป็น ล้อขนาด 16 นิ้ว
จาก ขนาดยาง 195/55R15 เปลี่ยนป็น ใช้ยางขนาด 205/45R16
ก็จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนอย่างชัดเจน โดยสิ่งที่ตามมาก็จะมีคร่าวๆ ดังนี้
1. ความเร็วของรถยนต์อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง
2. มีเสียงดังเข้าห้องโดยสารจากการสัมผัสของยางกับพื้นถนนเพิ่มมากขึ้น
3. ในการหักเลี้ยวของพวงมาลัยอาจจะมีการเสียดสีกับซุ้มล้อและตัวถังในกรณีที่เลือกล้อมาไม่พอดี
4. หากมีการยุบตัวในแนวดิ่งบวกกับช่วงล่างเดิมๆโอกาศโดนซุ้มล้อมีมากขึ้นตามลำดับ ยิ่งถ้าใครใส่ล้อกว้างมากๆข้อนี้ต้องระวังและรีบแก้ไขช่วงล่างเป็นพิเศษ โดยเร่งด่วน!
5. ในรถยนต์ที่มีระบบ GPS หรือระบบนำทางต่างๆควรจะนำไปตั้งค่าใหม่
6. ช่วงล่างจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้รองรับกับขนาดล้อยางที่เปลี่ยนไป เพื่อเรียกสมรรถนะของล้อและยางที่เราได้ทำการเปลี่ยนมาให้ได้มากที่สุด
7. หากมีการเปลี่ยนน๊อตล้อที่เป็นบล็อคกันขโมย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรักษาเจ้าบล็อคน็อตล้อกันขโมยนี้ให้ดี

.          จะเห็นได้ว่า เมื่อนำมาหากเทียบกันแล้ว การเปลี่ยนมาสวมล้อขนาดใหญ่ก็ไม่ได้ช่วยให้รถของคุณมีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไร แถมยังเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลาในการดัดแปลงให้มีสมรรถนะที่เหมาะสมอีกต่างหาก ซึ่งถ้าหากอยากเปลี่ยนเพื่อเสริมสมรรถนะจริง ๆ ก็ควรหาล้อขนาดเดิมแต่มีน้ำหนักน้อยลง ก็จะช่วยเรื่องความเร็วและการประหยัดน้ำมันได้บ้าง หรือหากอยากเปลี่ยนมาใส่ล้อขนาดใหญ่จริง ๆ ก็ควรหันเล็งไปที่ล้อแบบฟอร์จ (Forged Wheel) ซึ่งมีน้ำหนักเบาใกล้เคียงล้อขนาดเล็ก แต่แน่นอนว่าราคาของมันจะสูงสมกับความหล่อที่คุณอยากได้ทีเดียว

รู้อย่างนี้แล้วต้องลองมาพิสูจน์กันหน่อย พวกเราทีมงานผู้เชี่ยวชาญ DynoArtPower ยินดีให้คำแนะนำเสมอ แล้วพบกันครับ
151126_dyno_button_web
151126_dyno_button_vdo