7 วิธี ขับประหยัดกับเกียร์ ออโต้
. บทความนี้ผมอยากจะนำเสนอเรื่องใกล้ตัวเราแต่หลายๆคนมักจะลืมหรือไม่สนใจอะไรกับเรื่องนี้มากนัก นั่นก็คือเรื่องการสอบใบขับขี่ ในปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่ารถยนต์เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของเราไปเสียแล้ว เป็นปัจจัยที่คนส่วนมากต้องมีเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการที่ผมไม่ขอกล่าวถึง ดังนั้นหลายท่านอาจกำลังจะมองหารถยนต์มาใช้งานกัน หรือมีเพื่อน พี่น้อง ลูกหลานที่กำลังจะหารถยนต์หรือจะขับรถยนต์อยู่ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือหลังจากที่ได้รถยนต์มาแล้ว เราจะใช้รถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
. ใบขับขี่จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่ยานยนต์มีความรู้และความสามารถเพียงพอที่จะใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่ จะต้องมีคุณสมบัติหลักๆดังนี้
. ผู้ขับขี่ต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปหากต้องการสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ และต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปสำหรับการสอบใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล
ผู้ขับขี่ต้องไม่เป็นผู้พิการทางสายตาหรือตาบอด
ผู้ขับขี่ต้องไม่ตาบอดสี
. สำหรับผู้ทุพพลภาพที่มีแขน-ขาขาดข้างเดียว ตาบอดข้างเดียว ลำตัวพิการ และหูหนวกก็ยังสามารถทำใบขับขี่ได้ โดยติดต่อเจ้าหน้าที่ที่กรมการขนส่งทางบก เมื่อคุณสมบัติครบถ้วนแล้วก็มีดูกันต่อว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ซึ่งผู้เข้าสอบใบขับขี่จะต้องเตรียมไปให้ครบเพื่อยื่นต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งก็มีใบรับรองแพทย์ เพื่อรับรองว่าไม่เป็นผู้ทุพพลภาพและสุขภาพแข็งแรงดี
บัตรประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน
รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 ใบ (แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ต้องใช้แล้ว เนื่องจากมีการใบบัตรสมาร์ทการ์ดแทน)
เงินสำหรับชำระค่าธรรมเนียม
ต่อมาก็ถึงเวลาไปสอบกันจริงๆ ซะที ซึ่งผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่สามารถเข้าไปติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน สำหรับชาวกรุงเทพฯ ก็จะมีทางเลือกอยู่ด้วยกัน คือ
สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 1 (บางขุนเทียน)
สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 2 (ตลิ่งชัน)
สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 3 (สุขุมวิท 62)
สำนักงานพื้นที่ขนส่ง เขต 4 (หนองจอก)
กรมการขนส่งทางบก สำนักงานใหญ่พื้นที่ 5 (จตุจักร)
สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถเข้าไปได้ที่สำนักงานขนส่งประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัด ซึ่งมีข้อมูลที่ตั้งระบุในเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก
พอเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว ต่อมาก็เตรียมตัวไปสอบกันต่อได้เลย
ข้อแรก ควรจะลางานล่วงหน้าไว้ก่อนเลย โดยสามารถใช้วันลากิจได้ถ้าบริษัทฯ มีให้ลา เมื่อถึงวันสอบก็ควรจะรีบออกจากบ้านแต่เช้าเพราะในแต่ละวันก็มีผู้เข้าสอบจำนวนมาก ยิ่งไปเช้าก็จะได้เสร็จไว แถมถ้าพลาดท่าเสียทีสอบไม่ผ่านก็จะได้มีโอกาสสอบแก้ตัวภายในวันเดียวกันได้เลย
ข้อต่อมา ก็มาดูกันว่าเราต้องเจอกับการทดสอบอะไรบ้าง ซึ่งก็จะมีการสอบด้วยกัน 4 ส่วนคือ
การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เช่น การทดสอบตาบอดสี การทดสอบสายตาแนวกว้างและแนวลึก และทดสอบการตอบสนองของร่างกาย
อบรมความรู้การใช้ถนนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
การสอบข้อเขียนทดสอบความรู้ด้านการใช้รถใช้ถนนและความรู้เกี่ยวกับกฏหมายจราจร ทดสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถทราบผลได้ทันที ผู้สอบจะต้องมีคะแนนมากว่า 70 %
. การสอบปฏิบัติ มีทั้งหมด 4 ส่วนสำคัญ ซึ่งก็คือ การถอยรถเข้าจอด (เข้าซอง), การจอดรถเทียบทางเท้า, การเดินหน้าถอยหลังรถในทางแคบ, และการปฏิบัติตามกฏจราจรตามป้ายสัญญาณจราจร ซึ่งการสอบปฏิบัตินี้เราก็ควรจะฝึกฝนการขับรถให้เป็นก่อนที่จะสอบครับ
และสุดท้าย ระหว่างสอบก็ใจเย็น มีสติ อย่างเร่งรีบ การสอบถึงแม้จะไม่ยากมากนัก แต่ก็หากตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกก็อาจจะทำให้พลาดสอบตกได้เช่นกัน ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เราสามารถเตรียมตัวสอบใบขับขี่ใบแรกกันได้ แต่ถ้าใครสอบยังไงก็ไม่ผ่านซักที ก็แนะนำให้ลองเข้าเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถดูครับ เพราะทางโรงเรียนจะมีการแนะนำเทคนิคต่างๆ ได้ดีพอสมควรเลย สุดท้ายก็ขอเอาใจช่วยทุกๆ คนที่กำลังเตรียมตัวสอบใบขับขี่ให้ผ่านฉลุยด้วยนะครับ