1.ใบปัดน้ำฝน

.          ตรวจสอบใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ ถ้ามีเสียงดังระหว่างที่ใบปัดน้ำฝนทำงาน หรือทิ้งคราบน้ำไว้บนกระจกหน้าควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ ใบปัดน้ำฝนใหม่ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนบนกระจก และเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ แนะนำว่าควรเปลี่ยนปีละครั้ง

2.ยาง

.         ตรวจสอบว่ายางทุกเส้น รวมถึงยางอะไหล่มีดอกยางพร้อมใช้งาน หากดอกยางสึกและชำรุดจะทำให้สูญเสียการทรงตัว ไม่มีการยึดเกาะถนน และลดประสิทธิภาพการเบรก ขณะเดียวกัน ยังอาจทำให้เกิดการลอยตัวหรือเหินน้ำ นอกจากนี้ แรงดันลมยางก็มีความสำคัญเช่นกัน รถแต่ละรุ่นมีแรงดันลมยางที่แตกต่างกัน ควรตรวจสอบคู่มือใช้งานเพื่อการเติมแรงดันลมยางที่เหมาะสม

3.น้ำมันเครื่อง

.          ตามระยะเวลาการตรวจเช็ครถที่กำหนด ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำ น้ำมันเครื่องเก่าหรือที่ใช้มานานแล้ว อาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพการหล่อลื่นและมีความชื้น ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องในช่วงหน้าฝน เพื่อกำจัดความชื้น และปกป้องไม่ให้เครื่องยนต์เสียหาย

4.น้ำมันเบรก

.          การเปลี่ยนน้ำมันเบรกอาจไม่บ่อยเท่าน้ำมันเครื่อง แต่ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกในช่วงหน้าฝน เพราะน้ำมันเบรกเก่า หรือที่ใช้งานมานานแล้ว อาจมีความชื้นที่อาจจะลดประสิทธิภาพการเบรก และอาจสร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนในระบบเบรก

5.น้ำยาเคลือบกระจก

.          การใช้น้ำยาเคลือบกระจกจะช่วยลดปริมาณหยดน้ำที่เกาะบนกระจกหน้าลงได้ และจะสร้างชั้นเคลือบบนพื้นผิวกระจกหน้า

6.ดูแลรักษาสีรถ

.          หลังจากคุณต้องขับรถท่ามกลางสายฝน ควรล้างรถเพื่อขจัดคราบฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่สะสมอยู่บนสีรถ ควรใช้น้ำสะอาดล้างรถหลังจากขับรถท่ามกลางสายฝน แต่ถ้าไม่สามารถล้างรถได้ทันที ควรล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อรักษาสีรถให้ใหม่อยู่เสมอ

รู้อย่างนี้แล้วต้องลองมาพิสูจน์กันหน่อย พวกเราทีมงานผู้เชี่ยวชาญ DynoArtPower ยินดีให้คำแนะนำเสมอ แล้วพบกันครับ