หลอดไฟรถยนต์ 3 ประเภทอ่านแล้วต้องรีบวิ่งไปสำรวจ

car-753853_960_720

.      นอกจากความหรูหราภายนอกรถยนต์ที่ดูเฟี้ยวฟ้าว และสมรรถนะภายในที่เร็วแรงแซงทางโค้งแล้ว ส่วนประกอบสำคัญชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่าหลอดไฟ ก็มีบทบาทไม่น้อยในการให้แสงสว่างส่องนำทางแก่คุณ วันนี้เราจึงนำเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับ หลอดไฟว่า มีกี่ชนิดและมีความแตกต่างกันอย่างไร มาให้เราได้ดูกัน

1.หลอดฮาโลเจน เป็นหลอดที่บรรจุก๊าซฮาโลเจนไว้ข้างใน จะมีการทำงานแบบ อนุภาคของทังสเตนที่เกิดขึ้นโดยจะรวมตัวกับก๊าซฮาโลเจนและเคลื่อนตัวโดยความร้อนภายในหลอดไฟไปยังไส้หลอด เมื่ออนุภาคที่รวมตัวกันเคลื่อนตัวเข้าใกล้ไส้หลอดไฟเมื่อใด อนุภาคของทังสเตนนั้นก็จะไปจับกับไส้หลอดหรือขาหลอดไฟ และในส่วนอนุภาคของก๊าซฮาโลเจนนั้นก็จะเคลื่อนตัวไปยังผิวของหลอดแก้ว เพื่อรวมตัวกับอนุภาคของทังสเตนต่อไปนั่นเอง โดยมีมาตรฐานดังต่อไปนี้ หลอด H1 ใช้กับพวกรถยุโรปและญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ Benz, Volvo หลอด H3 นิยมใช้ในไฟสปอร์ตไลท์ หลอด H4 เป็นหลอดไฟหน้าที่รถส่วนใหญ่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หลอด H7 จะมีใช้ในรถ Benz หรือรถ BMW บางรุ่นเท่านั้น หลอด H11 เป็นหลอดไฟที่มีกำลัง 55 วัตถ์ พบมากใน Honda Civic และ Isuzu Dmax

151218_dyno_line_v2
151126_dyno_banner_v3

2.หลอด HID หรืออีกชื่อหลอดไฟซีนอน ภายในบรรจุก๊าซซีนอน โดยจะใช้ใส้หลอดที่ทำจากโลหะทังสเตนในการทำให้เกิดแสงสว่าง และยังทำให้เกิดแสงสว่างด้วยการผ่านกระแสไฟแรงสูงไปยังขั้วของตัวนำที่ทำจากโลหะทังสเตน โดยจะมีอุปกรณ์ช่วยในการเพิ่มกระแสไฟ 12 โวลท์ให้สูงขึ้นไปถึง 20,000-25,000 โวลท์เลยทีเดียว ทำให้มีการเกิดแสงสว่างได้เลย

3.หลอดความร้อน เป็นหลอดไฟที่มีข้างในเป็นสูญญากาศ หรือก๊าซเฉื่อย ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟให้ไส้หลอด และเมื่อไส้หลอดเกิดความร้อนก็จะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นมานั่นเอง

.         เป็นยังไงกันบ้าง กับเจ้าหลอดไฟจิ๋วที่มีประโยชน์ไม่น้อย ไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่รถเพื่อดูว่า เอ… รถของเราใช้หลอดไฟแบบไหนกันน้า อย่างไรก็ตาม ขับรถบนท้องถนนควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แม้ความเร็ว ความแรง จะเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ก็ตาม ทุกชีวิตมีค่านะจ๊ะ

รู้อย่างนี้แล้วต้องลองมาพิสูจน์กันหน่อย พวกเราทีมงานผู้เชี่ยวชาญ DynoArtPower ยินดีให้คำแนะนำเสมอ แล้วพบกันครับ
151126_dyno_button_web
151126_dyno_button_vdo