เมื่อยางรถเกิดระเบิด ไปดู 8 ขั้นตอนควบคุมสติที่ต้องทำให้ดี!!
. ประสบการณ์ยางรถระเบิดกลางอากาศ หรือ กลางคันขณะขับรถ คงเป็นสิ่งที่ไม่น่าพบเจอในชีวิตประจำวันมากนัก นอกจากอันตรายสุดๆต่อตัวเองแล้ว ไม่แน่ว่าอาจไปโยงให้ผู้ที่อยู่รอบข้างได้รับผลกระทบไปด้วย การที่ยางรถระเบิด แน่นอนว่าย่อมมีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่อาจถูกละเลยจากเจ้าของรถ และเป็นไปได้ว่า เจ้าของรถอาจไม่เคยได้ตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ก่อนออกเดินทางอย่างแน่นอน
. ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ถ้าคุณต้องเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต้องรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ เราจึงมี 8 ขั้นตอนในการควบคุมสติ และควบคุมรถให้ทรงตัวได้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการพลิกคว่ำ การไถล หรือการชนต่อเนื่องไปยังจุดอื่น ลองไปดูกัน!
8 ขั้นตอน ควบคุมพวงมาลัยรถและสติให้ดี!
- มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
- ถอนคันเร่งออก
- ควบคุมสติให้ดี! อย่าตกใจ และมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
- แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะว่า จะทำให้รถหมุน
- ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะถ้าเหยียบคลัตช์ รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น และอาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
- ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
- เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้ว ให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
- เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ
ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม
เมื่อระเบิดด้านซ้าย รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ
และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา
. ในทำนอง ตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้าม อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิด ขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว ( ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)
กรณีที่ 2 เมื่อรถยางระเบิด และตกลงไปในน้ำ
. ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที เหมือนหินตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดี และ ปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
- อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
- ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
- ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
- หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นจะเปิดประตูรถไม่ออก
เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
- เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วรีบออกจากห้องโดยสารของรถได้
- จากนั้นอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หาก น้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่ เห็นว่าทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมดไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจจะว่ายไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำกรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือ ลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำ นอกจากนั้นก่อนออกจากรถ หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบ เด็กๆนั้น ออกมาได้อีกหนึ่งคน
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการยางระเบิด คือ
- ยางหมดอายุการใช้งาน เช่น แก้มยางมีรอยแตกลายงา บวม ฉีกขาด ดอกยางหมดสภาพ เป็นต้น
- ยางเก่าเก็บ
- ขับรถโดยใช้ความเร็วเกินพิกัดยางที่กำหนดไว้
- บรรทุกน้ำหนักเกินค่ากำหนด
- สูบลมยางไม่ถูกต้อง
- เปลี่ยนยางใหม่แต่ใช้จุ๊บเติมลมอันเก่า
- ยางร้อนจัดเนื่องมาจากเบรกติดที่ล้อใดล้อหนึ่ง กรณีนี้อาจทำให้เกิดไฟไหม้รถได้
อาการเตือนสุดท้ายก่อนยางจะระเบิด!
. พวงมาลัยสั่นสะเทือนผิดปกติ บังคับรถได้ยากโดยเฉพาะในขณะเลี้ยวทั้งๆ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องถ่วงล้อและศูนย์ล้อหน้าก็เป็นปกติ ลูกหมากไม่หลวม และขณะที่ขับมาตอนแรกๆ พวงมาลัยไม่สั่น อาการนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่ายางรถยนต์เริ่มบวมพร้อมจะระเบิดแล้ว ควรชะลอความเร็วและจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ลงจากรถ แล้วรีบตรวจสภาพยางทันที