10 พฤติกรรมบนท้องถนน ที่ยิ่งเกลียด ยิ่งเจอ ตอน 2
. รถเร็ว รถแรง รถแต่งซิ่ง พามาต่อกันที่ พฤติกรรมสุดอี๋ตอน 2 บนท้องถนน ที่เราอยากเป็นกระบอกเสียง ให้เลิกทำสิ่งนี้ซะ ปลอดภัยไว้ก่อนไม่เสียหาย ถึงที่หมายช้าหน่อยแต่ชัวร์
5. แทรก/เบียด/ปาดหน้าก่อนถึงทางร่วมทางแยก
. พฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่อนาจที่สุด มันแสดงให้เห็นถึงนิสัยว่าเป็นคนอย่างไร และน่าตกใจก็คือมันเป็นสิ่งที่พบเห็นได้เสมอ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลารถติดหนัก คือจะมีรถส่วนน้อยที่ไม่อดทนต่อแถวในเลนตามการจราจรปกติ แต่จะใช้วีธีแทรกหรือเบียดหัวแถว บริเวณก่อนถึงทางแยกเล็กน้อย เพราะนอกจากจะเป็นการกีดขวางจราจรเลนอื่นแล้ว ก็จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้ากว่าปกติเมื่อได้สัญญาณไฟเขียวอีกด้วย ต้องปล่อยให้คนกลุ่มนี้แซงไปก่อนนั่นเอง
6. เปิดไฟสูงค้างไว้
. การเปิดไฟสูงค้างไว้ ส่วนมากเกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งขับรถยนต์ใหม่ๆ ที่ยังใช้อุปกรณ์ภายในรถได้ไม่คล่องแคล่ว ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อรถที่สวนมาอย่างมาก เพราะไฟสูงมีความเข้มของแสงสูง ทำให้สายตาพร่ามัวชั่วขณะได้ เป็นอันตรายต่อผู้ร่วมทางอย่างยิ่ง
7. แซงกระชั้นชิด
. การแซงกระชั้นชิดไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้แถมการเป็นขับที่มารยาทแย่อีกด้วย ทางที่ดีก่อนแซงควรกะระยะของคันที่สวนมาให้แน่ใจว่ามีระยะทางมากพอให้เร่งแซง ที่สำคัญคือเมื่อแซงพ้นแล้ว ควรรีบกลับไปยังช่องทางเดินที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว แต่อย่าลืมว่าต้องให้รักษาระยะห่างไว้ด้วย ดังนั้นถ้าไม่ชัวร์อย่าแซง
- เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อวิ่งตรงบนทางแยก
. มีผู้ขับขี่ไม่น้อยที่มีเจตนาดีด้วยการเปิดไฟฉุกเฉินก่อนถึงทางแยก เพื่อบอกให้ผู้ร่วมทางรู้ว่า “ฉันจะขับตรงไปนะ!” แต่เจตนาดังกล่าวไม่มีประโยชน์เลยแถมยังก่อให้เกิดความเสี่ยงอีกด้วย เนื่องจากรถทางด้านซ้ายและขวาจะเห็นไฟกระพริบเพียงข้างเดียว ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าผู้ขับจะเลี้ยวซ้ายหรือขวามากกว่าที่จะขับตรงไป ซึ่งโดยปกติหากต้องการขับรถตรงไป ก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดสัญญาณใดๆอยู่แล้ว
- ขับรถด้วยความเร็วเกินกฏหมายกำหนด
. ทางหลวงหลาย ๆ เส้นมักอนุโลมให้ผู้ขับขี่ สามารถใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. ซึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การขับรถด้วยความเร็วสูงมากๆ นั้น จะทำให้มีเวลาตัดสินใจน้อยลงหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีโฆษณาออกมาเพื่ช่วยรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม เพราะการขับรถเร็วถือเป็นปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นอันดับต้น ๆ
- เมาแล้วขับ
. แม้ว่าปัจจุบันจะมีการรณรงค์ต่อต้านการเมาแล้วขับอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังสามารถพบเห็นได้อยู่บ่อยๆ เพราะบางครั้งคนขับจะคิดว่าตัวเองแค่รู้สึกมึนๆ แต่ไม่ถึงกับเมา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยิ่ง และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้อื่นได้