ว่าด้วยเรื่องของ การขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง 4ล้อ ตอน 1
ถ้าพูดถึงสมรรถนะในการขับขี่ของรถยนต์ หลายๆ คนอาจเข้าใจว่า “ระบบช่วงล่าง” จะต้องเกี่ยวข้องแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่เชื่อหรือไม่ “ระบบขับเคลื่อน” เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์ไม่แพ้กัน และยังมีผลในเรื่องประสิทธิภาพการส่งกำลัง, การกระจายน้ำหนัก รวมไปถึงอัตราเร่งของตัวรถยนต์อีกด้วย
นอกจากเรื่องระบบขับเคลื่อนแล้ว ตำแหน่งของเครื่องยนต์ก็มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่เหมือนกัน ซึ่งในบทความนี้จะมีการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างระบบขับเคลื่อนและตำแหน่งเครื่องยนต์ โดยเครื่องหมาย (+)หมายถึงข้อดี ส่วนเครื่องหมาย (-) หมายถึงข้อเสีย
ขับเคลื่อนล้อหน้าหรือ FWD (Front-wheel-drive)
ร้อยทั้งร้อยของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้าจะติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าขอตัวรถ ทำให้การส่งกำลังเครื่องยนต์เป็นไปอย่างไม่มีความซับซ้อนมากนัก นอกจากนั้นก็ยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิต ที่พูดได้เลยว่า เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่รถยนต์ในปัจจุบันทุกคันล้วนแต่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
(+) ล้อหน้ามีแรงยึดเกาะเพิ่มขึ้น
โดยมากรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าจะติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ที่ตำแหน่งด้านหน้า จึงทำให้น้ำหนักส่วนใหญ่จะลงบนเพลาของล้อคู่หน้า เป็นผลทำให้ล้อหน้าสามารถสร้างแรงยึดเกาะได้อย่างเต็มที่
(+) ระบบขับเคลื่อนมีน้ำหนักเบา
ส่วนใหญ่แล้วระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะต่อเข้ากับเครื่องยนต์โดยตรงและกระจายแรงบิดผ่านเพลาขับซ้าย-ขวา ทำให้ระบบขับเคลื่อนที่แบบนี้มีขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา
(-) สูญเสียแรงยึดเกาะระหว่างออกตัว
ในการออกตัวของรถ น้ำหนักของตัวรถเกือบทุกคันในปัจจุบันจะถ่ายไปทางด้านหลัง ซึ่งส่งผลกระทบให้ล้อหน้าเป็นล้อขับเคลื่อน และสูญเสียแรงยึดเกาะถนนอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งกับรถแข่งที่เครื่องยนต์มีกล่องเพิ่มแรงม้าสูงๆ มันไม่แปลกเลยที่จะเห็นรถแข่งที่ขับเคลื่อนล้อหน้า
(-) มีการกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุล (หนักหน้า)
แม้ว่าการที่มีน้ำหนักถ่ายทอดลงบนล้อคู่หน้าจะเป็นผลดีต่อแรงยึดเกาะ แต่ก็มีผลเสียต่อการกระจายน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ซึ่งจริงๆแล้วน้ำหนักที่กระจายลงสู่ล้อคู่หน้าและล้อคู่หลังควรจะเท่ากัน จะเรียกว่าการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 นั่นเอง